ผ้าในราชสำนักสยาม
1. ผ้าอัตลัต-คือผ้ายกไหม ยกดิ้นโลหะ ลายดอกห่างๆ ทอกับไหมสีแต่มีเนื้อไหมมากกว่า นิยมนำมาตัดเสื้อ
2. ผ้าเข้มขาบ-ผ้าทอกับดิ้นทองหรือไหมทอง แต่ทอเป็นลายริ้ว นิยมนำมาตัดเสื้อ
3. ผ้าตาดทอง-เป็นผ้ายกทอกับแล่ง(แผ่นตอกโลหะ)และไหมสี ถ้าทอลายพื้นเรียกตาดทอง บางครั้งทอลายก็เรียกตามชื่อลาย ในภาพเรียก ตาดตาตั๊กแตน นิยมนำมาทำผ้าทรงสะพัก หรือ ตัดเสื้อ เป็นผ้าปักชุดโขนละคร อีกแบบคือผ้าตาดระกำไหมคือผ้าตาดที่ทอไหมมากกว่าผ้าตาดปกติ ไม่ค่อยแวววาว
4. ผ้ายก-ผ้าที่ใช้กรรมวิธีทอยกทอกับดิ้นโลหะสีทองเรียกยกทอง ทอกับไหมเรียกยกไหม โดยจะได้ลายที่เด่นชัด มีทั้งแบบผ้าพื้น และแบบราชสำนักที่กำหนดสัดส่วนชัดเจนทั้ง ท้องผ้าซึ่งเป็นลายที่เด่นชัด กรวยเชิง สังเวียน เชิงผ้า ช่อแทงท้อง นิยมใช้เป็นผ้านุ่ง แหล่งผลิตมีทั้งในประเทศเช่น เชียงใหม่ ลำพูน นครฯ และต่างประเทศ เช่น อินเดีย จีน
5. ผ้ากรองทอง-เป็นผ้าถักด้วยแล่งหรือเส้นโลหะหรือไหม ด้วยการถักคล้ายๆการถักแห มีทั้งแบบถักลายพื้น และลายดอก ขึ้นอยู่กับความสามารถขอแต่ละคน บางครั้งนำเอาปีกแมลงทับหรือไหมสีมาปักประดับ ทำเป็นผ้าทรงสะพัก
6. ผ้าเยียรบับ-มี2ความหมาย ความหมายแรกคือผ้ายกที่ทอลายดอกถี่ๆ ใช้โลหะมากไหมน้อย นิยมใช้เป็นผ้าตัดเสื้อ ความหมายที่2คือผ้าปูลาดซึ่งนิยมเอาผ้าเยียรบับในความหมายแรกมาทำ
7. ผ้าสุจหนี่-คือผ้าปูอาสนะ ที่นอน มีทั้งแบบที่ทอด้วยขนสัตว์ ไหม แล่งเงินทอง เส้นโลหะ หรือแบบปักก็มี
8. ผ้าสมปัก-เป็นผ้ามัดหมี่สั่งทอจากเขมร ทอด้วยมัดหมี่เส้นพุ่งยืนเส้นแดง ที่ถูกต้องต้องทอตามแบบที่ราชสำนักวางให้คล้ายผ้าลายอย่าง คือมีท้องผ้า สังเวียน เชิง กรวยเชิง ช่อแทงท้อง ลวดลายที่ท้องและกรวยเชิงจะบอกถึงยศของผู้ใส่ ดั้งเดิมจะเอาผ้าสมปัก2ผืนมาเพลาะหรือต่อกลางให้กว้างขึ้นเพราะเป็นผ้าหน้าแคบ นิยมใช้เป็นผ้ายศ ใช้นุ่งของขุนนางที่พระมหากษัตริย์พระราชทานให้
9. ผ้าลายอย่าง-เป็นผ้าพิมพ์ลายที่ออกแบบลายในราชสำนักและส่งไปพิมพ์ในอินเดีย ตัวผ้ามีการแบ่งสัดส่วนชัดเจนคือ ท้องผ้า กรวยเชิง สังเวียน ช่อแทงท้อง เป็นผ้ามีราคา อีกแบบคือผ้าลายนอกอย่าง เป็นผ้าลายที่ผลิตนอกเหนือจากแบบแรก แม่ลายไม่ถูกต้องตามลายไทย คือเป็นลายอินเดีย ชวา หรือเอาลายไทยมาผสม เป็นผ้าราคาถูก ผ้าทั้ง2อย่างใช้เป็นผ้านุ่ง ผ้าห่อคีมภีร์ ทำย่าม ผ้าปูลาด
ผ้าโบราณราชสำนักที่สำคัญมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ผ้าปูม ปัจจุบันคือ ผ้ามัดหมี่ ทำด้วยไหม ผ้ายก มีตั้งแต่ผ้ายกไหมและไหมผสมโลหะ เช่น ผ้ายกทอง ฯลฯ และ ผ้าลายอย่าง ทำด้วยผ้าฝ้าย เขียนลายด้วยมือ โดยให้ช่างหลวงของราชสำนักออกแบบมีลวดลายงดงามวิจิตรแตกต่างกันไปตามยศและตำแหน่ง พระราชทานให้ขุนนาง ข้าราชบริพาร และพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายในทรงในราชการ โดยส่งไปผลิตที่อินเดียด้วยฝ้ายเนื้อละเอียด ถือเป็นสินค้าชั้นสูงในสมัยโบราณ
จากนั้นมาเขาเริ่มได้รับ ผ้าโบราณราชสำนักเรื่อยมา บ้างก็ซื้อจากร้านขายของเก่าทั้งในไทยและต่างประเทศ หรือบางครั้งถึงขนาดนำวัตถุโบราณไปแลกกับผ้าก็มี
“บางราชสกุลเมื่อขายของเก่าไปแล้วมักแถมผ้าโบราณเหล่านี้ให้ร้านไปด้วยเพราะสมัยก่อนเป็นของไม่มีค่า มีคุณป้ารายหนึ่งนำผ้ามาให้ เพราะรู้ว่ามีคนเก็บผ้าเหล่านี้แทนท่านแล้ว บางท่านให้มาเป็นถุงใหญ่ บางท่านให้ผ้ามา 2 – 3 หีบ ทำให้ผ้าโบราณราชสำนักที่ผมมีหลายร้อยผืนมาจากหลากหลายแหล่ง”
ที่มา : คอลัมน์Unexpected นิตยสารแพรว ฉบับที่ 858 ปักษ์วันที่ 25 พฤษภาคม 2558