ผ้าไทย หมายถึง ผ้าทุกชนิดที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นโดยฝีมือคนไทย ได้แก่ ผ้าลายขิด ผ้ายก ผ้าจก น้ำไหล มัดหมี่ ผ้าพื้นเมือง เป็นต้น เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมาย เช่น เสื้อผ้า หมอน ผ้าห่ม กระเป๋า ฯลฯ สร้างชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก ส่งผลให้ชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยหลงไหล ถึงกับเดินทางไปแสวงหาตามแหล่งต่าง ๆ เพื่อซื้อติดไม้ติดมือไปใช้สำหรับตนเอง หรือเป็นของฝากญาติสนิทมิตรสหาย สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติเป็นเงินมากกว่าพันล้านบาทต่อปี โดยส่วนใหญ่ผ้าไทยแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติและบุคคลทั่วไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทอมาจากเครื่องกี่มือและกี่กระตุกมีโครงสร้างของเส้นด้ายทำจากเส้นใยธรรมชาติจำพวกไหม (Slik) และฝ้าย (Cotton) มีเพียงส่วนน้อยที่ทำจากลินิน แต่ในปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตบางคนดัดแปลงโครงสร้างโดยการนำเส้นใยเรยอน (Rayon) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ไหมเทียม" มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ บางชนิดอาจทำจากเส้นด้ายผสมของเส้นใยชนิดต่าง ๆ
วิวัฒนาการของผ้าไทย
ประเทศไทย เป็นดินแดนที่มีมนุษย์อยู่อาศัยมานานนับเป็นหมื่น ๆ ปีมีหลักฐานทางโบราณคดีเชื่อกันว่า ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุคโลหะเป็นต้นมา มนุษย์รู้จักการทอผ้าใช้เอง ดังจะเห็นได้จากหลักฐานที่ค้นพบตามแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี พบเศษผ้าจากป่านใบกัญชา ติดอยู่กับกำไลสำริด โดยมีสนิมของทองแดงเป็นตัวยึดและป้องกันการเน่าเปื่อย พบเครื่องมือในการทอผ้าหลายชนิด ได้แก่ แวดินเผา ซึ่งเป็นดินเผารูปกรวยขนาดเล็กประมาณเท่าหัวแม่มือ มีรูสำหรับสอดแกนไม้เล็ก ๆ ตอนปลายจะทำเป็นเงี่ยงหรือขอสำหรับสะกิดหรือ เกี่ยวปุยฝ้าย เพื่อสางลงมายังแวขณะที่หมุน แรงถ่ายของแวจะปั่นปุยฝ้าย เป็นเส้นด้ายพั นอยู่โดยรอบ แวจึงเป็นเครื่องปั่นด้ายยุคแรกของมนุษย์ หินทุบเปลือกไม้ เป็นเครื่องมือสำหรับทำเส้นใยเพื่อใช้ทอผ้าหรือ ทำเส้น เชือก เส้นด้าย มีลักษณะเป็นหินเนื้อละเอียดด้านหน้าตัดของหินคือ ส่วนที่ใช้ทุบ มักบากเป็นร่องตาราง ใช้สำหรับทุบเปลือกไม้ประเภทปอหรือป่านเพื่อ ให้ได้เส้นใยขึ้นมาใช้ทอผ้า ลูกกลิ้งดินเผา เป็นลูกกลิ้งเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือ ยาวประมาณ 2 นิ้ว ตัว ลูกกลิ้งมักขุดเป็นร่องเพื่อให้เกิดลวดลายขณะกลิ้ง พิมพ์ลวดลายบนผืนผ้า เพ ราะเชื่อว่ามนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ รู้จักย้อมสีธรรมชาติใช้แล้ว โดยใช้น้ำสีที่คั้นได้จากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ดอก ผล ราก ใบ ฯลฯ
การทอผ้าในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มิได้มีเฉพาะการใช้เส้นใยจากพืชเท่า นั้น หากแต่พบว่ามีการใช้ขนสัตว์ในเมโสโปเตเมีย และกลุ่มประเทศเมืองหนาว ที่เก่าแก่ที่สุด พบในสแกนดิเนเวีย มีอายุราว 3,000 ปีมาแล้ว สำหรับ “ไหม” (Silk) นั้นพบว่ามีการนำมาใช้ทอผ้ากันในสมัยก่อนประวัติศาสตร์เฉพาะในบริเวณทวีปเอเซียและในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงในประเทศ ไทยก่อนที่จีนจะนำมาทอเป็นผ้าไหมจนแพร่หลายไปทั่วโลก ส่วนเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้าคือ “หูก” หรือกี่ทอผ้านั้น คงมีมาหลายพันปีแล้ว เช่นเดียวกับเครื่องปั่นด้าย หูกอาจมีหลายรูปแบบหลายชนิดทั่งขนาดเล็กๆ ทอด้วยมือและขนาดใหญ่ ที่ต้องตอกตรึงไว้กับพื้นมีโครงไม้ดอกติดไว้กับเสาเรือนแต่ไม่ปรากฏร่องรอยของหูกให้เห็น เพราะหูกจะทำด้วยไม้ซึ่งเป็นอินทรีย์วัตถุจึงผุพังไปตามกาลเวลาเพียงชั่วเวลาไม่กี่ปี จากหลักฐานที่พบเศษผ้าที่เส้นใยของฝ้ายและไหมตามกำไลสำริดสร้อยและเศษโลหะในแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ในไทยมีการทอผ้าทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหมขึ้นใช้แล้วและกระบวนการทอผ้านี้ได้พัฒนาสืบต่อมาในสมัยประวัติศาสตร์สำหรับในภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดแพร่และน่าน ได้พบหลักฐานสำคัญที่แสดงถึง วิวัฒนาการทอผ้าหลายแห่ง ได้แก่ 1. ภาพเขียนแสดงลักษณะการแต่งกายของคนในยุคต่างๆ ที่เก่าแก่ที่สุด ได้แก่ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่เขาปลาร้า จังหวัดอุทัยธานี ในยุคต่อ ๆ มามี ภาพเขียนที่ ฝาผนังวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน วัดเวียงต้า อ.ลอง จ.แพร่ วัดกลางธรรมสาคร จ.อุตรดิตถ์ วัดราษฎร์บูรณะ จ.พิษณุโลก วัดอุโบสัตตราราม จ.อุทัยธานี เป็นต้น 2. เศษผ้าและเครื่องมือในการทอผ้าโบราณ พบเศษผ้าติดกับขันสำริด แวดินเผา และสำริด ที่บริเวณชุมชนจันเสน หลักฐานดังกล่าวเก็บรักษาไว้ ที่พิพิธภัณฑ์วัดจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ 3. จากการขุดค้นป้อมประตูเมืองด้านทิศตะวันตกของเมืองเก่าสุโขทัย พบเศษผ้า ติดอยู่ที่ขันสำริดขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 ซม. สูง 3 ซม. 4. แหล่งโบราณคดีจังหวัดตากในแถบเทือกเขาถนนธงชัย-ตะนาวศรี ระหว่าง ชายแดนไทยพม่า เขตติดต่อระหว่าง จังหวัดตาก - เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน พบเครื่อง ถ้วยชาม เศษผ้า และเชือกร้อยลูกปัด นอกจากนี้ยังพบผ้า และเชือกติดอยู่กับเต้าปูนสำริด ผ้าและเชือกบางส่วนมีร่องรอยสีย้อม
การตรวจสอบคุณภาพ และการคัดเลือกผ้าไหม เนื่องจากผ้าไหมเป็นหัตถกรรมซึ่งเกิดจากผลผลิตจากธรรมชาติทั้งวัตถุดิบและกระบวนการในการทอก่อนจะมาเป็นผ้าไหมหนึ่งผืนผ้าไหมแต่ละผืนจะมีความเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวอันเนื่องมาจากผู้ทอการออกแบบในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกัน รวมทั้งวัตถุดิบหลักสำคัญอันได้แก่เส้นไหม ชนิดเรียบ,หยาบหรือมีขี้ไหม ล้วนเป็นส่วนสำคัญในเอกลักษณ์ของผ้าไทยเพราะฉะนั้นงานหัตถกรรมของผ้าไหมไทยจึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบและวัดคุณค่ามาตรฐานเหมือนดังเช่น ผ้าชนิดอื่นที่เป็นงานอุตสาหกรรมและผลิตเพื่อจำนวนมากได้ การตรวจสอบและคัดเลือกจึงมีความแตกต่างกัน
1.ความสม่ำเสมอของสี เราต้องตรวจดูความเรียบร้อยของสีทั้งผืน ให้มีสีที่สม่ำเสมอเป็นที่รับได้ ในกรณีที่เป็นลายริ้วอย่างสม่ำเสมอดูแปลกและเป็นเอกลักษณ์อย่างนี้จะเป็นที่นิยมส่วนในกรณีที่สีต่างกันอย่างชัดเจนเช่นซีกหนึ่งสีฟ้าส่วนอีกซีกหนึ่งสีต่างออกไปในกรณีนี้จะไม่ผ่านการคัดเลือก ต้องคัดทิ้งออกไปสาเหตุที่ทำให้สีไม่สม่ำเสมอส่วนใหญ่เกิดจากเส้นไหมที่นำมาทอมีการอุ้มสีไม่เสมอกัน ผู้ทอจึงต้องมีความชำนาญอย่างมากในการเลือกเส้นไหมและกระบวนการในการย้อมสีต้องพิถีพิถัน เพราะเส้นไหมดิบจะไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้ชัดนักต่อให้ผ่านการฟอกย้อมสีแล้วก็อาจจะเห็นได้ไม่ชัด จึงเป็นเรื่องของภูมิความรู้หรือความชำนาญเฉพาะด้านของผู้ทอแต่ละคนในการคัดเลือกวัตถุดิบ และดำเนินกระบวนการต่างๆด้วยความพิถีพิถันและรอบคอบ
2.ความสม่ำเสมอของลาย ในเรื่องของลายต้องใช้ความละเอียดในการคัดเลือกเพิ่มขึ้นและนานๆ จะมีมาซักครั้งหนึ่ง คือเรื่องขนาดของลายที่ใหญ่เล็กไม่เสมอกัน ที่มองเห็นอย่างชัดเจนและไม่ได้ถูกออกแบบไว้ก่อนคือมีเพียงบางจุดที่ใหญ่หรือเล็กในกรณีนี้จะไม่ผ่านการคัดเลือก ต้องคัดทิ้งออกไป แต่ในกรณีที่ลายนั้น ๆ มีการออกแบบมาก่อนเป็นลายดั้งเดิม และมีความสม่ำเสมอของลาย ใหญ่เล็กอย่างสวยงาม ในกรณีนี้เป็นที่ยอมรับได้ เพราะเป็นลายที่มีเอกลักษณ์และต้องใช้ทักษะในการทอและออกแบบสูงสาเหตที่ทำให้ลายไม่สม่ำเสมอ เกิดจากความบกพร่องในกระบวนการทอ ทำให้ลายไม่ต่อเนื่องเช่น เส้นไหมขาดทำให้เกิดการเลื่อนของลายที่มัดย้อมไว้แล้ว
3.เนื้อผ้า เนื้อผ้าที่จะผ่านการคัดเลือกต้องมีเนื้อแน่นพอสมควรไม่บางหรือหลวมจนเกินไปผ้าไหมจะมีเนื้อผ้าทั้งแบบเรียบและแบบหยาบ ในแบบเรียบอาจจะมีขี้ไหมอยู่บ้าง ซึ่งเป็นที่รับได้ ส่วนในแบบหยาบจะมีขี้ไหมอยู่ตลอดทั้งผืน ซึ่งทอจากเส้นไหมบ้านที่มีลักษณะตะปุ่มตะป่ำไม่เรียบ ในปัจจุบันนี้เป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างสูง และหายากในปัจจุบันสาเหตุที่เนื้อผ้าหลวม เกิดจากฟันฟืมห่างเพราะเก่าแล้ว หรือผู้ทอทอได้ไม่แน่น