ความเชื่อเรื่องลายผ้าไหม และการย้อมสี
ความเชื่อเรื่องลายผ้าไหมจากพืช เป็นความเชื่อที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ความเชื่อสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ความเชื่อเกี่ยวกับลายผ้าที่นำไปบูชาสักการะและความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งรอบข้างตามสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ซึ่งแต่ละลายผ้าไหม ชาวบ้านมีความเชื่อ ดังนี้
ลายดอกบัว บัวเปรียบประดุจราชินีแห่งไม้น้ำอันบริสุทธิ์ผุดผ่องแม้กำเนิดในโคลนตม บัวยังคงไว้ซึ่งกลิ่นหอม ถือเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ ชาวอียิปต์โบราณใช้บูชาเทพเจ้า คนไทยนิยมนำมาถวายเป็นพุทธบูชา เพราะคนที่นับถือศาสนาพุทธจะเชื่อว่าดอกบัวเป็นดอกไม้ทางพุทธศาสนาที่สะท้อนถึงคติธรรมในการดำรงชีวิต ชาวบ้านจึงนำมาทำเป็นลายมัดหมี่ไว้สวมใส่เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องของผู้ที่สวมใส่
ลายดอกแก้วหรือลายสร้อยดอกหมาก ลายนี้แสดงถึงสัญลักษณ์ของความดีงาม ชาวบ้านนิยมทอลายนี้เพื่อนำไปถวายพระสงฆ์ หรือคารวะต่อสิ่งที่ชาวบ้านเคารพนับถือ
ลายดอกพิกุล ต้นพิกุลเป็นต้นไม้ยืนต้น เวลาออกดอกมีสีขาวนวลและออกดอกตลอดทั้งปี เชื่อว่าถ้าใครได้สวมใส่ผ้าลายนี้จะช่วยให้คนนับหน้าถือตาและยำเกรง
ลายดอกผักแว่น ผักแว่นเป็นพืชที่อยู่ตามชายฝั่งลำน้ำ ลักษณะของดอกผักแว่นเป็นดอกเล็ก ๆ สวยงาม เป็นพืชที่ชาวบ้านได้สัมผัสอยู่ทุกวันจึงเกิดความคิดที่จะนำมาทำเป็นลายผ้าไหมและมีความเชื่อว่า คนที่สามารถผลิตลายนี้ได้จะเป็นคนที่มีความประณีต ละเอียดอ่อน มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีความรักสามัคคี
ลายดอกหญ้า หญ้าเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปตามท้องทุ่ง ออกดอกเล็ก ๆ สีขาว ชาวบ้านนำมาเป็นลายผ้าไหมเพราะเชื่อว่าหญ้าเป็นพืชที่เกิดง่าย โตเร็ว อันแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์
ลายดอกตำลึง ตำลึงเป็นพืชที่อยู่บนบก มีดอกสีขาว เป็นพืชที่ชาวบ้านนิยมรับประทานโดยใช้ยอดมาประกอบเป็นอาหาร เชื่อกันว่าใครก็ตามที่สามารถมัดลายดอกตำลึงนี้ได้จะเป็นคนเฉลียวฉลาด สามารถไปได้ทุกสถานที่เหมือนกับยอดตำลึงที่เลื้อยไปเรื่อย ๆ
ลายหมากบก หมากบกหรือกระบก เป็นพืชที่อยู่ใกล้ตัวในวิถีชีวิตของชาวบ้าน ต้นกระบกมีลูกมากถ้าใครสามารถนำลูกกระบกมาทำเป็นลายผ้าได้ก็จะแสดงถึงความอดทนและความอุดมสมบูรณ์ต่อไปในภายหน้า
ลายต้นสน ต้นสนเป็นพืชที่มีใบเรียงเป็นระเบียบในตัวเอง จึงเหมาะที่จะนำมาเป็นลายผ้ามัดหมี่ ทั้งนี้เพราะชาวบ้านมีความเชื่อว่าชีวิตคนจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกับใบของต้นสน ถ้าใครทำลายนี้ได้ก็จะทำให้ชีวิตสงบสุขและมีระเบียบวินัย
ลายหมี่ใบมะพร้าว ต้นมะพร้าวมีใบเรียงเป็นระเบียบสวยงาม จึงเหมาะที่จะนำมาเป็นลายผ้ามัดหมี่ เพราะชาวบ้านเชื่อว่าชีวิตคนจะเป็นระเบียบ มีวินัยและอาศัยอยู่โดยไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
การย้อมสีไหมในสมัยก่อนใช้สีธรรมชาติซึ่งได้มาจากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น เปลือก ใบ ราก ผล มีขั้นตอนการเตรียมน้ำย้อมโดยการ ตำ ต้ม แช่หรือหมัก น้ำสีที่ใช้ย้อมเรียกว่าสีสมุนไพร ดังนี้
สีแดง ได้จาก ดอกคำฝอย รากยอ ครั่ง สะเดา
สีน้ำเงิน หรือสีคราม ได้จาก ต้นคราม
สีเหลือง ได้จาก แก่นขนุน ขมิ้น แก่นเข รากต้นสะกือ ลูกมะหาด ดอกดาวเรือง
สีดำ ได้จาก ลูกมะเกลือ สมอไทย
สีชมพู ได้จาก ต้นมหากาฬ ต้นฝาง
สีน้ำตาลแก่ ได้จาก เปลือกไม้โกงกาง
สีม่วง ได้จาก ดอกอัญชัน สีม่วงอ่อน ได้จาก ลูกหว้า
สีกากีแกมเขียว ได้จาก เปลือกเพกา แก่นขนุน
สีกากีแกมเหลือง ได้จาก หมากสง แก่นแกแล
สีเขียว ได้จาก ใบหูกวาง เปลือกมะริด เปลือกสมอ เปลือกกะหูด
สีตองอ่อน (สีกระดังงา) ได้จาก เปลือกมะริด ใบหูกวาง เปลือกกะหูด เปลือกสมอคราม แล้วย้อมทับด้วยด้วงแถลง
สีส้ม ได้จาก ดอกทองกวาว
สีเหลืองทอง ได้จาก เปลือกมะม่วง
สีแดงเลือดนก ได้จาก ลูกสะตี
สีเปลือกไม้ ได้จาก ต้นรกฟ้า หนามกราย ไม้โกงกาง เปลือกตะบูน
ในการย้อมสีไหมแต่ละครั้ง ผู้ย้อมจะมีความเชื่อว่าเวลาย้อมสีจะต้องมีสถานที่มิดชิด ห้ามพระสงฆ์เดินผ่านจะทำให้สีไม่ติดเส้นใย ที่ห้ามในลักษณะนี้ อาจเป็นเพราะว่าคนสมัยก่อนมีความเคารพและศรัทธาในพระสงฆ์มาก เวลาพระสงฆ์เดินผ่านเขาจะนั่งพนมมือ แม้ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม สาเหตุนี้จึงทำให้ผู้เฒ่าผู้แก่ห้ามหรือไม่ทำการย้อมสีไหมในขณะพระสงฆ์เดินผ่าน
นอกจากนี้ยังห้ามย้อมสีไหมในวันพระเพราะจะทำให้สีไม่ติดเส้นใย ที่ห้ามเช่นนี้อาจเป็นเพราะว่าในสมัยก่อนคนอีสานเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ทุกวันพระทุกคนจะต้องเข้าวัดฟังเทศน์ฟังธรรมกัน ถ้าคนใดย้อมสีในวันนี้จะเกิดความกังวลใจว่าตนไม่ได้ไปวัดเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรมในวันพระ ทำให้ย้อมสีได้ไม่เต็มที่และย้อมได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้สีไม่ติดและไม่สวยงามเท่าที่ควร
ลายผ้าไหม